Categories: บทความ

6 ข้อควรรู้เรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในโกดังสินค้าและอุปกรณ์เซฟตี้ที่ควรใช้

โกดังหรือคลังสินค้าเป็นหนึ่งในสถานที่ทำงานที่เสี่ยงอันตรายได้เช่นกัน เพราะเป็นสถานที่เก็บของขนาดใหญ่หรือบางแห่งอาจจะไม่ใหญ่มากแต่มีสินค้าที่วางซ้อนกันเป็นจำนวนมาก จึงอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคนทำงานได้ การทำงานภายในโกดังจึงต้องมีความระมัดระวังสูง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทั้งตัวงานและชีวิตคนทำงาน แม้ว่าสินค้าภายในโกดังจะมีความสำคัญ แต่ชีวิตของพนักงานก็สำคัญไม่กัน ดังนั้นจึงควรมีการติดตั้งอุปกรณ์เซฟตี้ทั้งภายในโกดังและมีชุดเซฟตี้เพื่อพนักงานทุกคน โดยเฉพาะรองเท้าเซฟตี้และรองเท้ากันลื่น รวมไปถึงถุงมือ ppe และหมวกนิรภัยที่จำเป็นต่องานนี้มาก เพราะจะช่วยป้องกันเรื่องสินค้าหล่นใส่หรือเกิดพังถล่มลงมาทับคนทำงานได้ นอกจากนี้ยังมีอีก 6 ข้อควรรู้เรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในโกดังสินค้า คือ

1.มีการฝึกอบรมก่อนทำงาน

ก่อนเริ่มงานควรมีการจัดอบรมเรื่องความปลอดภัยในการทำงานและการใช้อุปกรณ์เซฟตี้ภายในโรงงานหรือสถานที่ทำงาน รวมไปถึงการให้ความรู้เรื่องกฎหมายความปลอดภัยในที่ทำงาน นอกจากนี้ยังควรมีการสาธิตวิธีใช้ทุกอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในที่ทำงานให้พนักงานดู ให้ความรู้เรื่องปฐมพยาบาลและการดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อต้องเผชิญกับสภาวะฉุกเฉินต่างๆ ซึ่งการอบรมพนักงานก่อนเริ่มทำงานนี้ควรมีทุกบริษัท เพื่อสร้างความเข้าใจด้านความปลอดภัยให้ชัดเจนที่สุด

2.มีอุปกรณ์เซฟตี้ส่วนบุคคล

อุปกรณ์เซฟตี้สำหรับบุคลที่ทางบริษัทหรือผู้ว่าจ้างจะต้องจัดหาให้พนักงานทุกคน โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะต้องมีคุณภาพและผ่านมาตรฐานมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญคือต้องมีการตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์เซฟตี้อยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการทำงานทุกวัน อุปกรณ์ที่พนักงานควรต้องมีคือ รองเท้าเซฟตี้, รองเท้ากันลื่น, ถุงมือ ppe และหมวกนิรภัย ถ้าต้องทำงานบนที่สูงก็ให้เพิ่มสายพยุงตัว, เชือก, ตะขอ และตัวเชื่อมต่างๆ ที่จะช่วยป้องกันการตกหล่นได้

3.มีการตรวจสอบเครื่องมือต่างๆ

เครื่องมือด้านความปลอดภัยภายในอาคาร, เครื่องจักรเพื่อความปลอดภัย และอุปกรณ์เซฟตี้ส่วนบุคคล ควรมีการตรวจสอบเป็นประจำทุกสัปดาห์ หรือถ้าสามารถตรวจได้บ่อยครั้งจะยิ่งดี เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ เมื่อเกิดปัญหาแบบไม่คาดคิดขึ้น อุปกรณ์ป้องกันภัยเหล่านี้จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ พร้อมช่วยชีวิตของคนทำงานได้มากขึ้นอีกด้วย

4.มีการตรวจศักยภาพของอุปกรณ์
อุปกรณ์หรือเครื่องจักรต่างๆ ที่ต้องใช้งานทุกวัน ทางบริษัทหรือโรงงานจำเป็นต้องมีการตรวจสภาพทุกปี มีการอบรมพนักงานที่ต้องทำงานกับอุปกรณ์หรือเครื่องจักรที่มีอันตรายในเรื่องการใช้งานที่ถูกต้อง มีวิธีการดูแลรักษาและการเปิด-ปิดที่ชัดเจน ที่สำคัญคือควรมีการเข้ามาตรวจดูอุปกรณ์กับเครื่องจักรหลังเลิกงานแล้วทุกวัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น

5.ติดป้ายเตือนให้ชัดเจน

การติดป้ายเตือนจะเหมาะกับผู้ที่ต้องทำงานกับเครื่องจักรและสารเคมีต่างๆ ส่วนไหนที่มีอันตรายสูงควรติดป้ายเตือนไม่ให้เข้าใกล้หรือทำงานอย่างระวัดระวัง, ไม่ควรทำให้เกิดประกายไฟ หรือระวังสิ่งของตกใส่ เป็นต้น ป้ายเหล่านี้จะช่วยเตือนทั้งคนทำงาน, คนที่เข้ามาตรวจงาน และคนทั่วไปให้ระมัดระวังพื้นที่ทำงานในส่วนนั้นๆ มากขึ้น

6.มีกฎระเบียบที่เคร่งครัด

กฎระเบียบในการทำงานถือว่ามีความสำคัญมาก สถานที่ทำงานที่มีความอันตรายต้องมีกฎระเบียบครอบคลุมและชัดเจน พร้อมบังคับใช้อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยต่อคนทำงานทุกคนและไม่ทำให้สินค้าหรืองานเกิดความเสียหาย หลักๆ แล้วกฎที่ควรมี เช่น ห้ามขึ้นที่สูงเกินครั้งละ 2 คน, ใส่อุปกรณ์เซฟตี้ให้ครบก่อนเริ่มงาน, พนักงานทุกคนต้องผ่านการอบรมและทดสอบความรู้มาเป็นอย่างดี หรือห้ามเข้าใกล้จุดที่ถูกระบุว่าเป็นอันตราย เป็นต้น

โกดังสินค้าถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ทำงานที่มีอันตรายพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการวางสินค้าไว้บนชั้นวางที่มีความสูง, การเก็บสารเคมีต่างๆ รวมไปถึงการเก็บและใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโกดังสินค้าที่เก็บแบตเตอรี่, ของเหลวที่เป็นเชื้อไฟ และสถานีชาร์จพลังงานที่ต้องมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นการทำงานภายในโกดังจึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีอุปกรณ์เซฟตี้ทั้งของคนทำงานและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยภายในโกดัง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาต่างๆ ที่อาจสร้างความเสียหายในขณะทำงานได้

6 ข้อควรรู้เรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในโกดังสินค้า

หากเรามีความรู้เรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในโกดังสินค้า จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ โดยมี 6 ข้อที่ควรรู้ ดังนี้ 

  • ควรมีความรู้ด้านความปลอดภัย เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ทุกหน่วยงานต้องจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ปฏิบัติงาน ทั้งในเรื่องกฎหมายความปลอดภัย อันตรายที่เกิดจากโกดังสินค้า การปฐมพยาบาล เมื่อเกิดภัยแล้วจะต้องเอาตัวรอดอย่างไร
  • ต้องใช้งานอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลเป็น นายจ้างจะต้องจัดชุดอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล หรือ PPE ให้ลูกจ้างทุกคนใช้ให้เหมาะสมกับการทำงาน
  • ต้องตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล ต้องสอนให้ลูกจ้างหมั่นตรวจเช็คชุด PPE เพื่อป้องกันการชำรุดและลดอุบัติเหตุได้ และมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยตรวจสอบชุด PPE ทุกสัปดาห์
  • ตรวจเช็คมาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องจักร สารเคมี ต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยในการทำงาน ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านอุตสาหกรรม
  • มีมาตรฐานความปลอดภัยที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยจะเป็นผู้ออกกฎ ให้เป็นไปตามกฎหมายมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงการติดป้ายแจ้งเตือนในจุดที่อันตราย การดูแลความปลอดภัยของพนักงาน และการตรวจตราค่ามาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามกฎหมาย

หากเรามีความรู้ด้านมาตรฐานความปลอดภัยและทำตามกฎระเบียบ จะช่วยลดอุบัติเหตุและการสูญเสียได้เป็นอย่างดี 

 

……………………

admin

Recent Posts