Categories: บทความ

ฝุ่น PM 2.5 น่ากลัวแค่ไหน ควรป้องกันตัวเองอย่างไร

เมื่อไม่นานมานี้หลายๆ จังหวัดในประเทศไทยต้องประสบวิกฤตการณ์ฝุ่นครองเมือง โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองและเขตที่มีแหล่งอุตสาหกรรมอยู่หนาแน่น จนทำให้ชั้นบรรยากาศเหมือนมีหมอกหนาปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ถ้านั่นเป็นเพียงแค่หมอกที่เกิดขึ้นจากไอน้ำจริงก็คงไม่น่าเป็นห่วง แต่เรื่องจริงกลับน่ากลัวกว่าเพราะนี่คือฝุ่นขนาดเล็กที่เกิดจากการสะสมของฝุ่นและควันหลากหลายประเภท โดยปกติแล้วฝุ่นเหล่านี้กระจายตัวอยู่ในอากาศและไม่ถึงกับสร้างอันตรายใดๆ ได้ แต่การมาของฝุ่นที่รวมตัวกันจนกลายเป็นหมอกหนา กลับเป็นอันตรายต่อชีวิตคนและสัตว์อย่างใหญ่หลวง เพราะฝุ่นชนิดนี้ คือ ฝุ่น PM 2.5


สำหรับในประเทศไทยจะมีการตรวจวัดคุณภาพอากาศและมีดัชนีที่คอยชี้แนะค่าที่เหมาะสม โดยดัชนีคุณภาพของอากาศที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของผู้คนจะอยู่ที่ 0-100 AQI (Air Quality Index : AQI) แต่เมื่อใดที่ค่านี้เกิน 101 AQI ก็จะเริ่มส่งผลกระทบต่อร่างกาย และถ้าเกินกว่า 201 AQI ก็ถือว่าเข้าใกล้สู่การเป็น ฝุ่น PM 2.5 ที่ถือว่าเป็นอันตรายมากต่อผู้คน กล่าวง่ายๆ คือ ฝุ่นชนิดนี้เป็นละอองฝุ่นขนาดเล็กที่เล็กกว่าเส้นผมในอัตราส่วน 1:25 เล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์เลยก็ว่าได้

ดังนั้นเมื่อมีขนาดเล็กมากจนมองไม่เห็นก็สามารถเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ได้อย่างง่ายดายเช่นกัน เพราะขนจมูกของเราจะกรองได้เพียงฝุ่นทั่วไปเท่านั้น ตัวย่อ PM มาจาก Particulate Matters ค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองในระดับสากล โดยทั่วไปฝุ่นที่อยู่ในระดับที่รับได้ คือ PM 10 แต่เมื่อใดที่กลายมาเป็นฝุ่น PM 2.5 ก็จะกลายมาเป็นอันตรายทันที! ที่น่ากลัวที่สุด คือ เมื่อเข้าสู่ทางเดินหายใจแล้วก็สามารถซึมเข้าสู่อวัยวะต่างๆ อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นกระแสเลือด, เนื้อเยื่อ, เซลล์ประสาท และอวัยวะภายในเกือบทั้งหมด ซึ่งฝุ่น PM 2.5 ที่ว่านี้อาจจะนำพาเอาสารปรอท, สารแคดเมี่ยม, สารก่อมะเร็ง และโลหะหนักต่างๆ ติดมาด้วย จึงก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่สูดดมเข้าไปอย่างมาก


โดย ฝุ่น pm 2.5 เกิดจากกิจกรรมของชีวิตมนุษย์ที่เราคาดไม่ถึง เช่น การเผาหญ้า, การใช้งานรถยนต์, ควันเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม, การก่อสร้าง, การผลิตไฟฟ้าไว้ใช้งาน หรือแม้กระทั่งการทำกับข้าวเย็นก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ได้ทั้งหมด เพียงแต่ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหานี้จะมาจากโรงงานอุตสาหกรรม, งานก่อสร้างต่างๆ ภายในเมืองที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และการคมนาคม เมื่อฝุ่นกับควันพิษเหล่านี้รวมเข้ากับละอองน้ำภายในอากาศก็จะกลายเป็นการแขวนลอยอยู่บนชั้นบรรยากาศ ยิ่งถ้ามีปริมาณที่สูงขึ้นก็ยิ่งทำให้กลายเป็นหมอกสีเทาปกคลุมบริเวณที่สะสมอยู่ พร้อมส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกประเภทที่อยู่ในบริเวณนั้น วิธีการหลีกเลี่ยงที่ดีที่สุดของผู้คนที่ต้องอยู่ในบรรยากาศที่มี PM 2.5 คือ การเลือกใช้หน้ากากกันฝุ่น pm 2.5 ที่มีคุณภาพเพียงพอ โดยมีวิธีการเลือกดังนี้
หน้ากากกันฝุ่น pm 2.5 ชนิด N95 เป็นหน้ากากชนิดพิเศษที่ถูกผลิตออกมาเพื่อป้องกันฝุ่นขนาดเล็กโดยเฉพาะ ถูกผลิตมาตรงตามมาตรฐานของประเทศสหรัฐอเมริกาและมาตรฐานสากล พร้อมผ่านการทดสอบมาแล้วเป็นอย่างดีว่าสามารถกันฝุ่นขนาดเล็กได้จริง

หน้ากากกันฝุ่น pm 2.5 ชนิดคาร์บอน 4 ชั้น เป็นหน้ากากกันฝุ่นที่ผลิตมาจาก Activated Carbon ที่กันได้ทั้งฝุ่นและกลิ่นสารเคมีต่างๆ มีฟิลเตอร์เป็นแบบ Meltblown ป้องกันเชื้อแบคทีเรียได้ดี แต่หน้ากากชนิดนี้เมื่อใช้เสร็จแล้วต้องทิ้งทันที

หน้ากากกันฝุ่น pm 2.5 หน้ากากผ้าฝ้ายสามารถป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคได้ปานกลาง เลือกใช้เป็นผ้าฝ้ายที่มีความนุ่มและไม่ติดฝุ่นง่าย ได้รับความนิยมเพราะสามารถทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้งได้
หน้ากากกันฝุ่น pm 2.5 ที่ดีที่สุดจะเป็นแบบ N95 แต่ด้วยราคาที่สูงและหาซื้อยาก จึงสามารถเลือกใช้แบบที่ให้ผลดีใกล้เคียงกันได้ แต่ควรใช้แล้วทิ้งหรือนำมาทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อบ่อยครั้ง พร้อมหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในบริเวณที่อันตราย แม้ในปัจจุบันเรื่องของฝุ่น PM 2.5 จะเริ่มดีขึ้น แต่ถ้ายังไม่สามารถหาทางแก้ไขแบบจริงจังได้ ปัญหานี้ก็จะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงควรดูแลสุขภาพและร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ พร้อมพกพา หน้ากาก n95 กันฝุ่น pm 2.5 ติดตัวไปด้วยทุกที่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เราจะไม่ต้องเสี่ยงกับโรคร้ายต่างๆ ที่อาจตามมาพร้อมฝุ่นในอนาคตนั่นเอง

admin

Recent Posts