ทำความรู้จักกับ ชุด PPE และอุปกรณ์ PPE คืออะไร มีแบบไหนบ้าง
- Posted by admin
- Date พฤษภาคม 10, 2021
PPE คืออะไร
อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในการทำงานมีความสำคัญมากสำหรับผู้ที่ทำงานด้านอุตสาหกรรม เราจึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับชุดที่ให้ในการทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม ชุด PPE หรืออุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล มีประโยชน์เพื่อป้องกันอันตรายจากการทำงาน ช่วยลดอุบัติเหตุจากการทำงาน และช่วยรักษาสุขภาพของผู้ทำงานให้ปลอดภัยและมีสุขภาพดีจากการทำงานได้- ชุด PPE ป้องกันดวงตาและใบหน้า ช่วยป้องกันอันตรายจากสารเคมีหรือวัตถุ ไม่ให้ดวงตา ใบหน้าบาดเจ็บได้ เช่น แว่นตานิรภัย แว่นครอบตา กระบังป้องกันใบหน้า หรือ Face shield หน้ากากเชื่อม
- ชุด PPE ป้องกันมือและแขน เหมาะสำหรับงานที่ต้องป้องกันอันตราย เช่น งานเจีย งานตัด งานสารเคมี เช่น ถุงมือป้องกันความร้อน ถุงมือป้องกันความเย็น ถุงมือใยหิน ถุงมือยาง
- ชุด PPE ป้องกันขาและเท้า เพื่อป้องกันอันตรายส่วนเท้า นิ้วเท้า หน้าแข้ง เช่น รองเท้านิรภัย รองเท้าหุ้มข้อกันฉนวน รองเท้าป้องกันสารเคมี
- ชุด PPE ป้องกันลำตัว เพื่อป้องกันอันตรายจากสะเก็ดไฟ งานที่ใช้ความร้อนสูง เช่น ชุดป้องกันสารเคมี ชุดป้องกันความร้อน
ทำความรู้จักกับ ชุด PPE
คำว่า PPE มาจากคำว่า Personal Protective Equipment ที่ใช้เรียกอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล มีไว้สำหรับผู้ปฏิบัติงานเพื่อป้องกันหรือบรรเทาอันตรายจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ เหมาะสำหรับสถานที่มีความเสี่ยงสูง โดยในที่นี้รวมไปถึงอันตรายที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเกิดการเจ็บป่วย โดยอุปกรณ์เหล่านี้มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท เพื่อปกป้องร่างกายในทุกระบบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดังต่อไปนี้- อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและดวงตา
- อุปกรณ์ป้องกันมือและแขน
- อุปกรณ์ป้องกันขาและเท้า
- อุปกรณ์ป้องกันลําตัว
- อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ
- เสื้อคลุมแขนยาวที่มีจุดรัดข้อมือ ทำจากวัสดุกันน้ำ ใช้สวมใส่เพื่อป้องกันการกระเด็นของเชื้อโรคและสารคัดหลั่งต่าง ๆ ของผู้ป่วย
- หน้ากากอนามัย Surgical mask หรือหน้ากาก N95 ที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม โดยจะต้องสวมใส่เพื่อป้องกันการสูดดมเชื้อ, การป้องกันเชื้อกระเด็นเข้าปากและจมูก, การป้องการสารเคมีต่าง ๆ
- หมวกคลุมผม เพื่อป้องกันการกระเด็นของเชื้อโรคหรือสารคัดหลั่งเข้าสู่เส้นผมและศีรษะ
- แว่นป้องกันดวงตาหรือกระจังหน้า (Face shield)
- อุปกรณ์ป้องกันมือ เช่น ถุงมือยางหรือถุงมือไนโตร ใช้สวมใส่เพื่อป้องกันอันตรายจากการสัมผัสเชื้อโรคโดยตรง ซึ่งควรมีการสวมถุงมือให้ทับปลายแขนเสื้อคลุม เพื่อเป็นการป้องกันสารคัดหลั่งหรือเชื้อโรคกระเด็นเข้าช่องว่างของชุด
- อุปกรณ์ป้องกันเท้า ใช้สวมใส่เพื่อป้องกันการสัมผัสกับสารคัดหลั่งหรือเชื้อโรคที่จะกระเด็นเข้าสู่ผิวหนังบริเวณเท้า ซึ่งต้องเลือกรองเท้ายางที่มีการหุ้มปิดบริเวณปลายเท้า หากจำเป็นก็อาจจะใช้ถุงหุ้มรองเท้าเพิ่ม
ประเภทของ ชุด PPE
ปัจจุบันนี้มีการนำชุด PPE มาใช้กันเป็นจำนวนมากในงานส่วนที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อ ซึ่งชุดที่ใช้ในการปฏิบัติงานดังกล่าวมีอยู่ด้วยกันหลายระดับ ดังนี้ 1.Standard PPE Standard PPE เป็นชุด PPE ที่ใช้สวมใส่ในพื้นที่อัตราความชุกของโรคต่ำ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ประกอบด้วยเน็ตหรือหมวกคลุมผม, แว่นป้องกันดวงตา, หน้ากาก surgical mask, ชุดคลุมกันน้ำ, ถุงมือ และรองเท้า 2.Full PPE Full PPE เป็นชุด PPE ที่ใช้สวมใส่ในพื้นที่อัตราความชุกของโรคสูง โดยประกอบไปด้วยเน็ตหรือหมวกคลุมผม, แว่นป้องกันดวงตา , Face shield, หน้ากาก N95 , ชุดคลุมกันน้ำ, ถุงมือกันน้ำ 2 ชั้น, ที่คลุมขา และรองเท้าบูท 3.Enhance PPE Enhance PPE เป็นชุด PPE ที่ใช้ใส่ปฏิบัติงานในพื้นที่มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่ามีการติดเชื้อร้ายแรง เช่น Covid 19 โดยประกอบไปด้วยหมวกคลุมผม Medical cap ซึ่งเป็นหมวกคลุมทั้งศีรษะ, แว่นป้องกันดวงตา, Face sheild, หน้ากาก N95 หรือหน้ากากชนิด Respirator mask , ชุดคลุมปฏิบัติการชนิด cover all ที่ผ่านทดสอบการป้องกันสารทางชีวภาพและสารติดเชื้อแล้ว, ถุงมือกันน้ำ 2 ชั้น, ที่คลุมขา และรองเท้าบูท จะเห็นได้ว่าชุด PPE นั้นเป็นชุดที่มีความสำคัญอย่างมากในการปกป้องผู้สวมใส่จากเชื้อโรคและสารอันตรายต่าง ๆ ดังนั้นเราควรเลือกใช้ชุดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อการป้องกันที่ดีที่สุดนั่นเอง ……………………………………….รายการสินค้า อุปกรณ์ PPE
ถุงมือที่ใช้ป้องกันในโรงพยาบาล…เลือกอย่างไรให้เหมาะสม
คำถามที่พบบ่อย
เมื่อลองนึกถึงคำว่า “ชุด PPE” เชื่อว่าหลายคนคงคิดถึงภาพของแพทย์และพยาบาลที่สวมใส่ชุดป้องกันแบบเต็มตัว เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสอย่างแน่นอน แต่ในความเป็นจริงแล้ว PPE หรือ Personal Protective Equipment เป็นคำที่ใช้เรียกอุปกรณ์ที่ช่วยคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล ตั้งแต่อุปกรณ์ป้องกันศีรษะ ใบหน้าและดวงตา ลำตัว มือ แขน และขา รวมไปถึงอุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งชุด PPE นั้นมีหลากหลายประเภท แตกต่างกันไปตามการใช้งานและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น การติดเชื้อ สารเคมี ความร้อน หรือความเย็น เป็นต้น ก่อนจะสั่งซื้อชุด PPE จึงต้องทำการศึกษาหรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญก่อน
ชุด PPE มีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของงานภาคสนามและอันตรายที่ผู้ปฏิบัติงานอาจพบเจอ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทหลักของชุด PPE ได้ ดังนี้
- ชุดหมีช่าง – เป็นชุด PPE อเนกประสงค์ที่นิยมนำมาใช้งาน จนกลายเป็นยูนิฟอร์มของสายงานหลายแขนง เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างประปา ช่างไม้ และใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป ซึ่งมีลักษณะเป็นชุดท่อนเดียว เสื้อและกางเกงเย็บติดเป็นตัวเดียวกัน ผลิตจากผ้าเนื้อหนา จึงทนทานต่อการขีดข่วน แรงดึง และการฉีกขาดได้ดี อีกทั้งช่วยให้ปฏิบัติงานได้อย่างคล่องตัว
- ชุดป้องกันสารเคมี – นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหาร ยา และการแพทย์ ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นสีขาวคลุมทั้งตัวไปจนถึงส่วนศีรษะ หรืออาจเป็นแค่เสื้อที่สวมป้องกันเฉพาะลำตัว ขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน
- ชุดป้องกันเชื้อโรค – คือชุด PPE ทางการแพทย์ใช้เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลหรือในห้องผ่าตัด รวมไปถึงในกรณีที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสอย่างโควิด-19 นั่นเอง ซึ่งชุด PPE ชนิดนี้จำเป็นต้องผ่านมาตรฐาน EN 14126 เนื้อผ้าต้องสามารถป้องกันการกระเด็นและซึมของสารคัดหลั่งหรือของเหลวต่าง ๆ ได้
- ชุดป้องกันความร้อน – เรียกอีกอย่างว่าชุดอลูมิไนซ์ สำหรับใช้งานในสภาพพื้นที่ที่มีความร้อนสูงอย่างโรงงานอุตสาหกรรมหรือภายในเครื่องจักรขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ทำมาจากผ้าที่ทอจากเส้นใยแข็ง แล้วเคลือบผิวด้านนอกด้วยอลูมิเนียมเพื่อสะท้อนรังสีความร้อน
- ชุดป้องกันความเย็น – เหมาะสำหรับสวมใส่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำอย่างห้องเย็น โดยสามารถป้องกันความเย็นได้ 10°F ถึง -50°F ขึ้นอยู่กับรุ่น มีทั้งแบบชุดหมี เสื้อแจ๊คเก็ต และกางเกง
หลายคนคงคิดว่าการสวมใส่แค่ ”ชุด” PPE ก็เพียงต่อการป้องกันแล้ว เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ป้องกันลำตัวได้อย่างครอบคลุม อย่างไรก็ตาม อันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ บนทุกส่วนของร่างกาย ฉะนั้นในการปฏิบัติงานจึงต้องสวมใส่อุปกรณ์ที่สำคัญให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นหมวกนิรภัย หน้ากาก รวมไปถึงถุงมือและรองเท้า เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับการป้องกันที่ครอบคลุม ไม่เกิดอันตราย บาดเจ็บ หรือเกิดการสูญเสียขณะปฏิบัติงาน ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ทุกท่านสั่งซื้อชุด PPE แบบครบเซ็ต โดยมีอุปกรณ์ป้องกันครอบคุลมมากที่สุด
ในด้านการแพทย์ ชุด PPE นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่
- Standard PPE – ชุด PPE ที่ใช้ในพื้นที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่ำ โดยอุปกรณ์ที่ต้องใช้ประกอบด้วยเน็ตหรือหมวกคลุมผม แว่นป้องกันดวงตา หน้ากากแบบ Surgical Mask ชุดคลุมกันน้ำ ถุงมือ และรองเท้า
- Full PPE – ใช้สวมใส่ในพื้นที่ที่มีอัตราความชุกของโรคสูง ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้แก่ เน็ตหรือหมวกคลุมผม แว่นป้องกันดวงตา Face Shield หน้ากาก N95 ชุดคลุมกันน้ำ ถุงมือกันน้ำ 2 ชั้น ที่คลุมขา และรองเท้าบูท
- Enhance PPE – ชุด PPE ที่ให้การป้องกันเชื้อโรคสูงสุด ใช้สำหรับใส่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่ามีการติดเชื้อรุนแรงหรือเป็นโรคติดต่อ อย่างโรคโควิด-19 นั่นเอง ซึ่งประกอบไปด้วยหมวกคลุมผม Medical Cap คลุมทั้งศีรษะ แว่นป้องกันดวงตา Face Shield หน้ากาก N95 หรือหน้ากากชนิด Respirator Mask ชุดคลุมปฏิบัติการชนิด Cover All ที่ผ่านทดสอบการป้องกันสารทางชีวภาพและสารติดเชื้อ ถุงมือกันน้ำ 2 ชั้นที่คลุมขาและรองเท้าบูท
ชุด PPE ทางการแพทย์นั้นถูกใช้งานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ส่วนชุด PAPR หรือ Power Air Purifying Respiratory เป็นอุปกรณ์ชุดพัดลมกรองอนุภาคระดับสูงที่จะต่อเข้ากับชุดคลุมศีรษะ เมื่อเปิดสวิตช์ ตัวพัดลมก็จะทำการดูดอากาศผ่านตัวกรองแล้วส่งอากาศมาที่ชุดคลุมศีรษะ ดังนั้นภายในชุดคลุมศีรษะจะมีแรงดันอากาศมากกว่าภายนอก (Positive Pressure) จึงทำให้เชื้อโรคและเชื้อไวรัสต่าง ๆ ไม่สามารถเข้ามาถึงตัวผู้สวมใส่ได้นั่นเอง
โดยอุปกรณ์ PAPR นั้นถูกผลิตออกเพื่อแพทย์วิสัญญี ศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัดทางเดินระบบหายใจ หู คอ จมูก และศัลยแพทย์ด้านหลอดลมและปอด เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง อีกทั้งการผ่าตัดยังต้องใช้เวลานาน หากสวมใส่เพียงชุด PPE ก็อาจทำให้อึดอัด ร้อน และวิงเวียนศีรษะ จนทำให้ประสิทธิภาพการของแพทย์ทำงานลดลงได้ ซึ่งชุด PAPR สามารถแก้ปัญหาในจุดนี้ได้นั่นเอง
Tag:PPE